กขค. เดินหน้าขับเคลื่อนแข่งขันไทยสู่มาตรฐานสากล วางสมดุล-สร้างความเป็นธรรมแก่รัฐวิสาหกิจ

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สำนักงาน กขค.) จัดงานสัมมนาใหญ่ในหัวข้อ “รัฐวิสาหกิจกับวาระการแข่งขันโลก: จุดสมดุลของไทยสู่มาตรฐานสากล” โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อยกระดับการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล พร้อมสร้างบรรยากาศการแข่งขันที่โปร่งใสและเป็นธรรม ผ่านการเสวนาเชิงลึกที่เปิดโอกาสให้ภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้เชี่ยวชาญได้แลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์อย่างรอบด้าน

งานสัมมนาครั้งนี้ยังเป็นเวทีสำคัญในการทบทวนบทบาทและแนวทางกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างภารกิจด้านบริการสาธารณะกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งยังเชื่อมโยงสู่ความท้าทายด้านการค้าปัจจุบัน อาทิ การเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) และการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่มีความสำคัญต่อการสร้างความเชื่อมั่นในเวทีระหว่างประเทศ

ในพิธีเปิด นายไมตรี สุเทพากุล ประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ พร้อมย้ำถึงเจตนารมณ์ของ กขค. ที่มุ่งผลักดันการแข่งขันทางการค้าให้เป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยชี้ว่าความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะเป็นกุญแจสำคัญในการเดินหน้าสู่มาตรฐานการแข่งขันระดับโลก

ไฮไลต์ของงานคือการอภิปรายหัวข้อ “วาระการแข่งขันโลก: การกำกับดูแลที่ดี บริการสาธารณะ และการแข่งขันที่เป็นธรรม” โดยผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น ดร.ปัทมา เธียรวิศิษฎ์สกุล กรรมการ กขค. ดร.เสรี นนทสูติ ประธานกรรมการตรวจสอบ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด นายนครเขตต์ สุทธปรีดา อดีตรองเลขาธิการ ก.พ.ร. นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิ และ ผศ.ดร.วิษณุ วงศ์สินศิริกุล เลขาธิการ กขค. โดยมี รศ.สุธรรม อยู่ในธรรม รองประธาน กขค. เป็นผู้ดำเนินรายการ ทั้งหมดได้สะท้อนถึงความสำคัญของการสร้างความเป็นกลางทางการแข่งขัน (Competitive Neutrality) ที่ต้องถูกนำมาใช้ตั้งแต่การกำหนดนโยบายและกฎเกณฑ์ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในตลาด

อีกประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือการทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อยกเว้นตามมาตรา 4 (2) พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ซึ่งกำหนดให้รัฐวิสาหกิจหรือองค์การมหาชนสามารถยกเว้นได้เฉพาะในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะ ความมั่นคงของรัฐ หรือสาธารณูปโภค แต่หากเป็นการดำเนินธุรกิจทั่วไปที่อยู่นอกเหนือข้อยกเว้น ก็ยังคงต้องถูกกำกับดูแลตามกฎหมายการแข่งขันทางการค้า โดยสำนักงาน กขค. จะจัดทำแนวทางหรือ “ไกด์ไลน์” เพื่อเป็นเกณฑ์พิจารณาความจำเป็นในแต่ละกรณีต่อไป

ดร.เสรี นนทสูติ ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงความท้าทายในการหาจุดสมดุลระหว่างการกำกับดูแลการแข่งขันตามกฎหมาย กับบทบาทของหน่วยงานกำกับเฉพาะรายสาขา เช่น โทรคมนาคม พลังงาน ตลาดหลักทรัพย์ และประกันภัย ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยเน้นว่าการกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและเท่าเทียมจะช่วยให้ผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างประเทศมั่นใจในการเข้ามาแข่งขัน และทำให้ตลาดดำเนินไปอย่างเสรี เป็นธรรม และโปร่งใส

กล่าวได้ว่างานสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ กขค. ในการผลักดันประเทศเข้าสู่ระบบการแข่งขันที่ได้มาตรฐานสากล โดยเน้นความสมดุลระหว่างภารกิจสาธารณะกับการแข่งขันทางธุรกิจ เพื่อสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในสายตาสังคมโลกอย่างแท้จริง.

Scroll to Top