บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศก เมื่อมีรายงานการเสียชีวิตของ พลทหาร พิทยุตท์ โสดา หรือที่เพื่อนร่วมกองทัพและคนใกล้ชิดเรียกกันว่า “น้องยักษ์” หนุ่มวัยเพียง 20 ปี ผู้ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ โดยเป็นที่รู้จักในสังคมออนไลน์จากเหตุการณ์โต้เถียงกับหญิงชาวกัมพูชาชื่อ “โมนิก้า” ก่อนหน้านี้
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 เวลา 18.15 น. กองทัพบกได้รับแจ้งว่า พลทหารพิทยุตท์ถูกพบเป็นร่างไร้ลมหายใจภายในห้องสุขา หน้าพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ สร้างความตกใจและเสียใจแก่ผู้บังคับบัญชา เพื่อนทหาร รวมถึงครอบครัวที่ยังไม่ทันตั้งตัวกับการจากไปอย่างกะทันหัน
แถลงการณ์จากกองทัพบก
กองทัพบกได้ออกแถลงการณ์ยืนยันข่าวการเสียชีวิตของกำลังพลรายนี้ พร้อมทั้งระบุว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียด และให้คำมั่นว่าจะดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวตามสิทธิที่ราชการกำหนดครบถ้วน โดยย้ำว่า กองทัพบกขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของพลทหารพิทยุตท์ พร้อมเชิดชูในความเสียสละที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องชายแดนของประเทศด้วยความทุ่มเทเต็มกำลัง
ประวัติและหน้าที่รับราชการ
พลทหารพิทยุตท์ โสดา เป็นชาวตำบลหนองกง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ปัจจุบันสังกัดกองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 เข้ารับราชการทหารกองประจำการรุ่นปี 1/67 โดยผ่านโครงการพลทหารออนไลน์ด้วยความสมัครใจ ทำหน้าที่ในตำแหน่งพลปืนเล็ก หมู่ปืนเล็กที่ 2 หมวดปืนเล็กที่ 1 กองร้อยทหารราบที่ 211
จากข้อมูลเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ระบุว่า ผู้เสียชีวิตไม่มีโรคประจำตัว ไม่เกี่ยวข้องกับสารเสพติด ไม่พบภาวะความเครียด รวมถึงไม่มีบาดแผลหรือร่องรอยการทะเลาะวิวาท อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอผลชันสูตรพลิกศพจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อยืนยันสาเหตุที่แท้จริง
ความเศร้าโศกและการดูแลครอบครัว
กองทัพบกยืนยันว่าญาติของผู้เสียชีวิตได้รับแจ้งเหตุแล้ว และกำลังดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อบรรเทาความสูญเสียที่เกิดขึ้น พร้อมยกย่องให้ชื่อของพลทหารพิทยุตท์เป็นหนึ่งในผู้เสียสละที่ปฏิบัติภารกิจเพื่อประเทศชาติ แม้จะอยู่ในวัยเพียง 20 ปี แต่ได้แสดงถึงหัวใจนักรบที่ยิ่งใหญ่
การจากไปของ “น้องยักษ์” พลทหารพิทยุตท์ โสดา ไม่เพียงสร้างความโศกเศร้าแก่ครอบครัวและเพื่อนร่วมหน่วย หากยังสะท้อนถึงความทุ่มเทของทหารหนุ่มผู้ยืนหยัดรักษาอธิปไตยและความสงบสุขของประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างแท้จริง.




