ไขข้อข้องใจ: ทำไมการแข่งขันชกมวยถึงใช้ “สีแดง” กับ “สีน้ำเงิน” แบ่งฝ่ายนักกีฬา?

เมื่อพูดถึงการแข่งขันชกมวย ไม่ว่าจะเป็นมวยสากล มวยสมัครเล่น หรือแม้แต่มวยในโอลิมปิก สิ่งหนึ่งที่ผู้ชมทั่วโลกสังเกตเห็นเหมือนกันก็คือ นักมวยจะถูกแบ่งออกเป็นสองมุมเสมอ ได้แก่ “มุมแดง” และ “มุมน้ำเงิน” ซึ่งถูกใช้แทนตัวตนของนักกีฬาในทุกเวที การใช้สีทั้งสองนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องความสะดวก แต่มีที่มาและเหตุผลที่ชัดเจนทั้งในเชิงเทคนิค จิตวิทยา และข้อกำหนดจากองค์กรกีฬาสากล

จุดเริ่มต้นของสีแดง-น้ำเงินในวงการมวย

แนวคิดนี้เริ่มถูกใช้อย่างจริงจังตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1940 หรือราวปี ค.ศ. 1940 ก่อนที่จะถูกกำหนดให้เป็นมาตรฐานสากลในการแข่งขันมวยสมัครเล่น และต่อมาได้กลายเป็นระบบถาวรในโอลิมปิกฤดูร้อน ปี 1948 ที่กรุงลอนดอน หลังจากนั้นสีแดงและน้ำเงินก็กลายเป็น “ภาษากลาง” ของเวทีมวยทั่วโลกที่ใช้สืบต่อกันมากว่า 80 ปี

เหตุผลที่เลือกใช้สีแดงกับสีน้ำเงิน

  1. แยกฝ่ายชัดเจน
    สีแดงและสีน้ำเงินเป็นคู่สีที่ตัดกันอย่างชัดเจน ทำให้กรรมการ ผู้บรรยาย และผู้ชมสามารถมองเห็นความแตกต่างได้ง่าย แม้ในยุคที่การถ่ายทอดสดยังเป็นภาพขาวดำ
  2. สร้างมาตรฐานสากล
    องค์กรระดับนานาชาติ เช่น IOC และ AIBA กำหนดให้ใช้สีแดงและสีน้ำเงิน เพื่อความเป็นหนึ่งเดียว ลดความสับสนในการจัดแข่งขันระหว่างประเทศ
  3. จิตวิทยาของสี
  • สีแดง มักสื่อถึงพลัง ความแข็งแกร่ง ความดุดัน

  • สีน้ำเงิน ให้ความรู้สึกเยือกเย็น มีสมาธิ และสุขุม
    การใช้สองสีนี้จึงไม่เพียงแต่แยกฝ่าย แต่ยังส่งผลต่อบรรยากาศการแข่งขันและความรู้สึกของทั้งผู้ชมและนักกีฬา

  1. ความชัดเจนในการถ่ายทอดสด
    ในช่วงที่เทคโนโลยีกล้องยังไม่ทันสมัย การใช้คู่สีแดง-น้ำเงินช่วยให้การถ่ายทอดชัดเจนขึ้น ทำให้ง่ายต่อการจับภาพและใส่กราฟิกประกอบ
  2. ลดความสับสนจากสีอื่น
    สีอย่างเขียว เหลือง หรือม่วง อาจกลมกลืนกับพื้นเวที เสื้อทีมงาน หรือแม้กระทั่งโทนผิวของนักกีฬา ซึ่งเสี่ยงต่อการทำให้ผู้ชมสับสน
  3. ธรรมเนียมที่สืบทอดยาวนาน
    เมื่อถูกใช้ซ้ำต่อเนื่อง สีแดง-น้ำเงินจึงกลายเป็นเอกลักษณ์ที่อยู่คู่เวทีมวยมาโดยตลอด และไม่มีสีใดเข้ามาแทนที่ได้

บทสรุป

การที่วงการมวยเลือกใช้ “แดง” กับ “น้ำเงิน” ไม่ใช่เพียงเพื่อความสวยงาม แต่เป็นการจัดระบบที่ช่วยให้การแข่งขันดำเนินไปอย่างราบรื่น ทั้งด้านการตัดสิน การถ่ายทอดสด และการสร้างความเข้าใจร่วมกันของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ตลอดเวลากว่าแปดทศวรรษ สีทั้งสองนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นสัญลักษณ์ที่เหมาะสมที่สุดของเวทีผ้าใบ และยังคงถูกใช้สืบต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะถูกแทนที่ด้วยสีอื่น

Scroll to Top